วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

Nissan Cefiro A31 รถหรูราคาเท่ามอเตอร์ไซต์

นิสสันได้พัฒนาเซฟิโร่รุ่นแรก โดยใช้แชสซีขับเคลื่อนล้อหลัง ร่วมกับรถรุ่นดังของนิสสัน นั่นคือ Skyline (สกายไลน์) และร่วมกับ Laurel (ลอเรล) โดยแบ่งระดับการทำตลาดเป็น Skyline แบบสปอร์ตซีดาน ส่วน Laurel แบบซีดานที่หรูหรา และ Cefiro เน้นดีไซน์สวยกับไฮเทค ยืนยันได้จากไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์ล้ำสมัยในสมัยนั้น สไตล์ลิ่มเน้นแอโร่ไดนามิคที่ลู่ลม แม้แต่มือเปิดประตูยังเป็นทรงเม็ดข้าวเรียวบาง ที่ยังดูไม่ล้าสมัยจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะเปิดตัวในปี 1988 ก็ตาม

Nissan Cefiro A31 อดีตรถหรู กลายเป็นรถซิ่ง ปัจจุบันเป็นรถสะสมไปแล้ว นี่คือสปอร์ตซีดานรุ่นสุดท้าย 02

Nissan Cefiro มีมิติตัวถัง ความยาว 4,690 ความกว้าง 1,695 ความสูง 1,375 และฐานล้อ 2,670 มม. ในช่วงแรกของการทำตลาดปั 1990-1993 มีเครื่องยนต์ RB20E แบบเบนซิน 6 สูบเรียง 12 วาล์ว ความจุ 2.0 ลิตร กำลัง 121 แรงม้า และแรงบิด 172 นิวตันเมตรต่อมาในปี 1993-1996 ได้ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ เปลี่ยนหน้าตาเล็กน้อย เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น RB20DE แบบเบนซิน 6 สูบเรียง 12 วาล์ว ความจุ 2.0 ลิตร กำลัง 152 แรงม้า และแรงบิด 181 นิวตันเมตร ใช้เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด หรือมีเกียร์ธรรมดา 5 สปีดให้เลือก

Nissan Cefiro A31 อดีตรถหรู กลายเป็นรถซิ่ง ปัจจุบันเป็นรถสะสมไปแล้ว นี่คือสปอร์ตซีดานรุ่นสุดท้าย 03

ออพชั่นล้ำนิสสัน เซฟิโร่ ใส่ออพชั่นต่าง ๆ ให้สมกับการตั้งใจเป็นรถไฮเทค ด้วยระบบเบรคที่เป็นดิส 4 ล้อ แถมรุ่น 24 วาล์วใส่ระบบ ABS มาด้วย มีกระจกมองข้างปรับไฟฟ้า และพับด้วยไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อคทำงานได้เองเมื่อรถเคลื่อนที่ในความเร็วต่ำ มีเซนเซอร์เปิดไฟหน้าอัตโนมัติ สาบานได้ว่านี่คือรถยนต์เมื่อ 30 ปีที่แล้ว


Nissan Cefiro A31 อดีตรถหรู กลายเป็นรถซิ่ง ปัจจุบันเป็นรถสะสมไปแล้ว นี่คือสปอร์ตซีดานรุ่นสุดท้าย 04

ช่วงล่างปรับไฟฟ้า

ทางด้านช่วงล่างก็ใช้ระบบ DUET-SS มีโซนาร์ยิ่งคลื่นสะท้อนถนนกลับมา เพื่อวิเคราะห์สภาพถนน พร้อมสั่งการให้มอเตอร์ไฟฟ้าบนหัวโช้ค หมุนปรับวาล์วน้ำมันในโช้คอัพ เพื่อให้ความหนืดมาก-น้อยตลอดเวลา หรือจะกดเลือกโหมดสปอร์ตหรือนุ่มได้ด้วยตัวเอง ซึ่งระบบนี้ยังไม่มีในรถญี่ปุ่นระดับเดียวกันด้วยซ้ำ สมชื่อสโลแกน “ลีลาแห่งอนาคต”


Nissan Cefiro A31 อดีตรถหรู กลายเป็นรถซิ่ง ปัจจุบันเป็นรถสะสมไปแล้ว นี่คือสปอร์ตซีดานรุ่นสุดท้าย 05

ข้อเสียก็เพียบ

Nissan Cefiro มีข้อเสียตรงความล้ำหน้าเช่นกัน เพราะระบบช่วงล่าง DUET-SS ไม่สามารถรองรับปริมาณหลุมบ่อในประเทศไทยไหว จึงพังง่ายก่อนเวลาอันควร แถมค่าอะไหลแพง หลายคันจึงใส่โช้คอัพแบบธรรมดาไปแล้ว

ส่วนข้อเสียด้านอื่น ๆ ก็คือ หลังคาผุ เบาะหลังแคบ คนสูงเกิน 180 หัวติดหลังคาแน่นอน อีกทั้งยังมีเรื่องการกินน้ำมันที่มาก ระดับ 7-8 กม./ลิตรโดยประมาณ

Nissan Cefiro A31 อดีตรถหรู กลายเป็นรถซิ่ง ปัจจุบันเป็นรถสะสมไปแล้ว นี่คือสปอร์ตซีดานรุ่นสุดท้าย 06

ขายดีในไทย แต่ขายไม่ออกที่เมืองนอก

Nissan Cefiro เปิดตัวในไทยด้วยราคา 830,000 บาท ส่วนรุ่นไมเนอร์เชนจ์ราคาทะลุไป 1 ล้านบาทเศษ ซึ่งแพงกว่าใครในระดับเดียวกัน ณ ตอนนั้น แต่ก็ยังมียอดขายดี จนรอคิวจองนานหลายเดือน ในขณะที่ต่างประเทศ ทำยอดขายเชื่องช้า อาจเป็นเพราะมันแปลกใหม่เกินไป และไม่สามารถพูดได้ว่าประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ และยอดขายนี่เอง เป็นตัวกำหนด ชะตากรรมเซฟิโร รวมถึงเทียน่ายุคต่อมา


Nissan Cefiro A31 อดีตรถหรู กลายเป็นรถซิ่ง ปัจจุบันเป็นรถสะสมไปแล้ว นี่คือสปอร์ตซีดานรุ่นสุดท้าย 07

Cefiro รุ่นที่ 2 ไม่ได้พัฒนาจากสกายไลน์อีกต่อไป แต่หันไปรวมโมเดลกับอเมริกาเหนือ ใช้ชื่อว่า Maxima กลายเป็นซีดานขนาดใหญ่แบบขับเคลื่อนล้อหน้า FF เน้นรูปแบบหรูหรา โอ่โถง ที่ตอบสนองความต้องการของชาวอเมริกาเหนือ ตามด้วยรุ่นที่ 3 Cefiro ไฟหน้าหยัก ยังอิงอเมริกาในชื่อแมกซิม่า ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีในอเมริกาเหนือ 


Nissan Cefiro A31 อดีตรถหรู กลายเป็นรถซิ่ง ปัจจุบันเป็นรถสะสมไปแล้ว นี่คือสปอร์ตซีดานรุ่นสุดท้าย 08

แต่ในเอเชียรวมถึงประเทศไทย ยังใช้ชื่อ Cefiro แต่ได้ลดความนิยมไม่เท่าเซฟิโร่แรก เพราะความหรูหราทำให้มันไม่ต่างจากคู่แข่ง ที่ค่ายอื่น ๆ พัฒนาจนทัดเทียมและแซงหน้าไปได้ เช่น Honda Accord ที่มีเครื่องแรงกว่า หรือ Toyota Camry ที่มีระบบความปลอดภัยครบกว่า แม้ว่าจะปรับลุคกลายเป็น Teana ก็ไม่ได้ทุ่มเทด้านความไฮเทคหรือโฉบเฉี่ยวแปลกตาเหมือนที่ Cefiro A31 เคยทำได้อีกต่อไปNissan เคยสร้างความประหลาดใจให้กับโลก ด้วยแนวคิดรถยนต์ที่สร้างสรรค์ ในยุค 90 มีรถยนต์ที่น่าจดจำมากมาย และถึงแม้จะหายไป แต่ชื่อเสียงของตำนาน นิสสัน เซฟิโร่ ยังอยู่ในสภาพมือสอง ที่รอการบูรณะในราคา 50,000 - 150,000 แล้วแต่สภาพ ซึ่งควรดูคันที่สภาพตัวถังสวย ไม่ถูกดัดแปลงเป็นรถซิ่ง เครื่องสภาพเดิมที่สุดเท่าที่จะหาได้


Nissan Cefiro A31 อดีตรถหรู กลายเป็นรถซิ่ง ปัจจุบันเป็นรถสะสมไปแล้ว นี่คือสปอร์ตซีดานรุ่นสุดท้าย 09

ปัจจุบันนี้ Nissan Cefiro A31 ที่เคยวิ่งเกลื่อนถนนในอดีต จะกลายเป็นรถหายาก เพราะสภาพรถไม่ทนกาลเวลา ผุพังไปเยอะ บางคันถูกทำเป็นรถซิ่งจนกลายเป็นซาก ทำให้ตอนนี้รถสภาพเดิม ๆ เริ่มมีคนตามหาเก็บเรื่อย ๆ หากมีเวลาและทุนทรัพย์ ก็ขอแนะนำให้มีติดโรงรถไว้ เป็นเครื่องระลึกถึงความยิ่งใหญ่ที่นิสสันเคยทำได้ และนิสสันจะไม่มีวันทำได้แบบนั้นอีก เพราะปัจจุบันหันไปใส่ใจกับเอสยูวีและรถขนาดเล็กแทน พร้อมหยุดการขายรถซีดานขนาดใหญ่ในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว


Mercedes-Benz w124 รถตำนานราคาหลักแสน!!!

 

ถอยหลังกลับไปเมื่อประมาณสามสิบกว่าปีก่อน ประเทศไทยได้ยลโฉมรถยนต์หรูอย่าง Mercedes-Benz E-Class ที่มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ไปจากเดิมพอสมควร ที่แสดงถึงความบึกบึน แข็งแรง และหรูหราในคันเดียวกัน จนทำให้รถยนต์รุ่นนี้กลายเป็นรถมือ 2 ที่ยังคงความนิยมจนถึงปัจจุบัน นั่นคือรถตระกูลรหัส W124 นั่นเองMercedes-Benz E-Class รหัส W124 ถูกเรียกกันอย่างชินปากว่า "โลงจำปา" มาจากรูปทรงที่ด้านท้ายดันละม้ายคล้ายคลึงกับโลงจำปาของชาวจีนนั่นเอง ถือว่าเป็นรุ่นแรกเลยที่ถูกเรียกว่า E-Class คาดว่ามาจากคำว่า Elegance หรือแปลเป็นไทยว่า "ความสง่างาม" เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1985 ที่ต่างประเทศ แต่เข้าประเทศไทยเพื่อมาจำหน่ายช่วงประมาณปี 1987 โดยเริ่มต้นมาในรุ่นที่เรียกกันว่า Code A ไม่ว่าจะเป็น 230E ที่เลือกใช้งานเครื่องยนต์เบนซิน 2.3 ลิตร 4 สูบเรียง เกียร์ธรรมดา และ 300E เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร 6 สูบเรียง เกียร์อัตโนมัติ

Mercedes-Benz W124

ถัดมากับ Mercedes-Benz W124 Code B ที่เป็นการ Minor Change เล็กน้อยเพิ่มกาบข้างขึ้นมาในปี 1990 และปรับออพชั่นภายใน เช่น เพิ่มเบาะไฟฟ้า, พวงมาลัยปรับยืด-หดได้ พร้อมกับการเพิ่มเข้ามาอีก 2 รุ่นคือ 280E ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร 6 สูบเรียง กับ 220E ที่ใช้เครื่องยนต์แบบหัวฉีดไฟฟ้ารหัส M111 เบนซิน 2.2 ลิตร 4 สูบเรียงเข้ามาเพิ่มเติม ส่วน 2 รุ่นเดิมใน Code A ก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม แต่จริง ๆ แล้ว ก็มี 200E กับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบเรียงเข้ามาจำหน่ายด้วยเช่นกัน แต่มีจำนวนไม่มาก เลยทำให้เราไม่ค่อยเห็นในตลาดมากนัก

Mercedes-Benz W124

สุดท้ายกับ Mercedes-Benz W124 Code C ในช่วงประมาณปี 1994 มีการปรับภายนอกให้ดูทันสมัยขึ้น ทั้งปรับเปลี่ยนฝากระโปรงหน้าใหม่, ฝากระโปรงท้ายปรับจุดที่รองแผ่นป้ายทะเบียนใหม่, ไฟหน้าปรับให้รับกับฝากระโปรงหน้ามากขึ้น, เพิ่มถุงลมนิรภัย, ม่านหลังไฟฟ้า, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า, ระบบ Central Lock เป็นต้น พร้อมกับมีการปรับเลขรุ่นใหม่ ให้ตัว E มาอยู่ด้านหน้าแทน ทั้ง E200, E220, E280, E320 เป็นต้น

Mercedes-Benz W124

Mercedes-Benz W124 ที่ได้รับความนิยมมากหน่อย ก็จะเป็นตัว Code C นี่แหล่ะ แต่ก็ใช่ว่า Code A และ Code B จะไม่มีคนสนใจ ซึ่งราคาการจำหน่ายเป็นรถมือสองก็แตกต่างกันไป โดยถ้าเป็น Code A ในตัว 220E ก็จะมีตั้งแต่ราว 6 แสน - 9 แสนบาท ถ้าเป็นตัว 300E ก็จะเพิ่มราคาขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ไม่น่าเกินแสน ถ้าเป็น Code B ที่ใหม่ขึ้นมาอีกหน่อย เห็นบ่อย ๆ ก็จะเป็นรุ่น  300E ราคารถมือ 2 ก็จะอยู่ที่ประมาณแสนขึ้นไป สภาพนางฟ้าหน่อยก็สามารถพุ่งขึ้นไปถึง 150,000 บาทได้เลย แต่ถ้าเป็นตัวใหม่สุดโฉมสุดท้ายรุ่น E หน้า มีเริ่มตั้งแต่แสนกลาง ไหลไปจนถึง 2 แสนกว่าได้เลย

Mercedes-Benz W124

ถ้าถามว่า ทำไม Mercedes-Benz E-Class W124 ถึงยังได้รับความนิยมมาถึงปัจจุบัน ต้องบอกว่ารถมือ 2 รุ่นนี้ ดูมีความบึกบึน แข็งแรง ทนทาน ขับแล้วทรงตัวดีเยี่ยม เครื่องก็มีความจุกจิกไม่มาก ห้องโดยสารมีความเงียบ ตัวที่คนนิยมมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Code C เห็นกันบ่อยก็ E220 กับ E280 ที่ออพชั่นที่ใส่มานั้น เยอะมากที่สุด และยังเป็นรุ่นใหม่สุดในตระกูลตัวถังนี้แล้ว สภาพรถเลยอยุ่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีมากที่สุด แถมยังเอามาแต่งซิ่งได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่ง Brabus, ยกเครื่องใส่ใหม่ พวก 1J, 2J ติดแก๊ส เป็นต้น แต่แน่นอนว่า เมื่อทำการแต่งไปแล้ว การขายต่อราคาจะตกลงไปเยอะมากเมื่อเทียบกับการใช้รถแบบ Standard ดังนั้นใครอยากเอามาแต่ง ก็ลองคิดให้ดี ถ้ากะเอามาใช้งานกันยาว ๆ หลักเกิน 5 ปีขึ้นไป ก็แต่งได้เลย แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าจะอยู่ด้วยกันยาว ๆ ก็ใช้แบบสแตนดาร์ดได้เลย เพราะการหาอะไหล่เพื่อมาเปลี่ยนก็ยังไม่ยากเกินไป มีกลุ่มมีกรุ๊ปในการแลกเปลี่ยนอะไหล่ และยังพอหาตามเชียงกงได้เยอะพอสมควร

Mercedes-Benz W124

Mercedes-Benz E-Class W124 ถึงแม้จะมีอายุการใช้งานระดับเกิน 20 ปีขึ้นไปแล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นรถมือ 2 ที่มีคนจับมาเล่นกันอยู่บ่อย ๆ บางคนถือเคล็ดด้วยซ้ำ เพราะด้วยฉายา "โลงจำปา" ทำให้บางคนเชื่อว่า นั่งอยู่ในโลงจำปาแล้ว ก็จะไม่ต้องนอนในโลงจำปาจริงอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนเชื่อเรื่องแบบนี้ W124 ก็ยังคงเป็นรถมือสองที่น่าเอามาขับใช้งานอยู่ดี รับรองว่าขับไปไหน ก็ยังคงมีคนหันมามองได้เรื่อย ๆ เช่นเคย

e36 รถมือสองคุ้มราคา

 

ตลาดรถมือสอง ยังคงเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบางรุ่นที่มีความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง ผ่านไปกี่ปีก็ยังคงมีคนถามหาอยู่เสมอ เฉกเช่นเดียวกันกับ BMW ซีรีย์ 3 ในรุ่นที่เป็นรหัสตัวถัง E36 หรือที่คนในตลาดรถมือ 2 เรียกกันว่า “โฉมนกแก้ว” ก็ยังอยู่ในใจเสมอ

BMW E36 ถือเป็น 3 Series ในเจนเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว เริ่มลงสู่ตลาดตั้งแต่ปี 1990 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2000 โดยทำการเปิดตัวในฟากฝั่งยุโรปก่อน แล้วเปิดตัวตามที่ฝั่งอเมริกาในปีถัดไป ซึ่งเป็นการต่อยอดความนิยมจากโฉมเดิมภายใต้รหัสตัวถัง E30 ที่ได้รับชมนิยมอย่างมากในช่วงก่อนหน้านั้นเช่นกัน ด้วยความที่เป็นรถขนาด Compact Car แต่ตกแต่งด้วยความหรูหราตามสไตล์ค่ายใบพัดสีฟ้า และหน้าตาก็โดนใจวัยรุ่นในยุคนั้นเป็นอย่างมากที่ตลาดรถมือสองเรียก BMW E36 กันว่าโฉมนกแก้ว คาดว่าน่าจะมีที่มาจากด้านหน้าของตัวรถ มีความงุ้มคล้ายกับนกแก้ว ก็เลยได้ชื่อนี้มาเรียกกันเสียเลยสำหรับ BMW E36 รุ่นที่มีมาจำหน่ายในเมืองไทยนั้น น่าจะเข้ามารุ่นแรกด้วยการนำเข้า BMW 320i เข้ามาก่อนเป็นรุ่นแรก ช่วงต้นยุค 90 ราคาจำหน่ายประมาณล้านกลาง หลังจากนั้นก็เริ่มมี 318i เข้าตามมาหลังจากนั้นไม่นาน จากนั้นก็มีตามมาอีกหลายรุ่น ทั้ง 325i, 323i, 318is อาจจะมีบ้างที่นำเข้ามาเป็นคัน ๆ ไป แต่รุ่นที่นิยมมากที่สุดน่าจะเป็น 318iส่วนเรื่องอะไหล่นั้น BMW E36 มีอะไหล่ให้หาซื้อได้เยอะพอสมควร ยิ่งถ้าคันไหนวางเครื่องToyotaไป ยิ่งสบายใจในการใช้งานได้มากกว่าเดิม แต่อะไหล่เครื่องดั้งเดิมของ BMW เองก็ยังคงพอหาได้อยู่พอสมควร แถมยังมีชมชนออนไลน์ของรุ่นนี้อยู่รถมือ2อย่าง BMW 3 Series รหัสตัวถัง E36 นั้น ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกในการซื้อรถมือสองที่น่าสนใจ ด้วยความที่รูปทรงยังคงทันสมัย ตรงใจวัยรุ่นอยู่เอามาแต่งใหม่เปลี่ยนแม็กซ์วางเครื่องใส่ท่อเปลี่ยนเบาะใหม่ เท่านี้ขับไปที่ไหนก็หล่อได้ทุกที่แล้วครับ

Nissan Cefiro A31 รถหรูราคาเท่ามอเตอร์ไซต์

นิสสันได้พัฒนาเซฟิโร่รุ่นแรก โดยใช้แชสซีขับเคลื่อนล้อหลัง ร่วมกับรถรุ่นดังของนิสสัน นั่นคือ Skyline (สกายไลน์) และร่วมกับ Laurel (ลอเรล) โดย...